เครื่องเชื่อมไฟฟ้า เป็นเครื่องเชื่อมไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ทั่วไป

calibration

เป็นเครื่องเชื่อมไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ทั่วไป แบ่งออกเป็น 2 ชนิด การปรับกระแสที่ต่ำเกินไปจะทำให้เกิดรอยนูนบริเวณขอบรอยเชื่อมได้ เพราะลวดเชื่อมกับชิ้นงานไม่สามารถหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกันได้

  1. ชนิดกระแสตรง (Direct Current) หรือเรียกว่า เครื่องเชื่อม DC
  2. ชนิดกระแส สลับ (Alternating Current) หรือเรียกว่า เครื่องเชื่อม AC 

ซึ่งในการปรับกระแสไฟในงานของการเชื่อมไฟฟ้า ของการเชื่อมโลหะ โดยเครื่องเชื่อมไฟฟ้ามีขั้นตอนหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งก็คือการปรับระดับกระแสของเครื่องเชื่อมไฟฟ้า และปัจจัยที่กำหนดระดับการปรับกระแสไฟฟ้าเครื่องเชื่อมไฟฟ้า คือ ความหนาของชิ้นงาน ,ลักษณะงาน และชนิดของลวดเชื่อม ซึ่งหากมีการปรับกระแสสูงเกินไปจะทำให้บ่อหลอมละลายกว้าง ลึก ไม่สม่ำเสมอควบคุมแนวเชื่อมได้ยาก เกิดรอยแหว่งที่ขอบรอยเชื่อม capitallaboratory

การบำรุงรักษาเครื่องเชื่อมไฟฟ้า คือ ต้องทำอย่างไร

 การตรวจและบันทึกผลการตรวจเป็นประจำ ของเครื่องเชื่อมไฟฟ้า คือ ควรตรวจระดับและความชื้นของน้ำมันหล่อเย็นในหม้อแปลง ตรวจดูเศษฝุ่น ผงละอองโลหะต่างๆ รวมทั้งการตรวจรอยรั่วของกระแสไฟ  การเก็บเครื่องเชื่อมไฟฟ้า คือต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมหรืออยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนหรือแออัดคับแคบเกินไป  ที่สำคัญต้องป้องกันไม่ให้เครื่องเชื่อมไฟฟ้ามีความร้อนเกินขนาด และควรตรวจสอบด้วยเครื่องวัดกระแสไฟฟ้าเพื่อให้มั่นใจว่าขนาดของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ไม่เกินพิกัดของเครื่องเชื่อมไฟฟ้าและสายเชื่อม ก็ควรหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องมืออยู่เสมอ ไม่ดัดแปลงสภาพของตัวเครื่องเชื่อมไฟฟ้าหรือชุดอุปกรณ์สายเชื่อม-สายดิน ต้องแน่ใจว่าที่เครื่องเชื่อมมีที่ระบายอากาศและพัดลมระบายความร้อนในตัว และต้องใช้งานได้

วิธีการเลือกซื้อ เครื่องเชื่อมไฟฟ้า ต้องเลือกจากอะไร ?

  1. เลือกกระแสไฟฟ้าในตรงกับการใช้งาน

เครื่องเชื่อมไฟฟ้า แต่ละรุ่นนั้น มักจะมาพร้อมประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่กำลังไฟต่ำ ๆ ไปจนถึง กำลังไฟที่สูงมาก ๆ ซึ่งถ้าหากคุณต้องการนำไปใช้ในงานเล็ก ๆ เช่น ใช้เชื่อมโครงสร้างโต๊ะทำงาน, โต๊ะคอมพิวเตอร์ หรือชั้นวางของ คุณก็ไม่จะเป็นต้องเลือกตู้เชื่อมที่มีประสิทธิภาพสูงมากจนเกินไป เนื่องจากงานเล็ก ๆ พวกนี้มันไม่ต้องใช้กำลังไฟมากมาย แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการตู้เชื่อมไฟฟ้าไปใช้ในงานทั้ง งานเล็ก และงานใหญ่ คุณก็ควรเลือก ตู้เชื่อมที่มีประสิทธิภาพสูง ๆ ไปเลยดีกว่า เพราะมันมีฟังก์ชันที่หลากหลาย คุณสามารถทำการควบคุมกระแสไฟฟ้า หรือควบคุมพลังงานไฟฟ้าได้ ในระหว่างการเชื่อมชิ้นงาน สามารถปรับให้เหมาะสมกับความหนาบางของวัสดุได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้รอยเชื่อมออกมาดูเรียบเนียน สวยงาม

  1. ความปลอดภัย

ตู้เชื่อมไฟฟ้า ถือเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างมีความอันตรายสูงมาก โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากกระแสไฟฟ้า ดังนั้น ตู้เชื่อมไฟฟ้าควรมีระบบตัดไฟที่ดีที่สามารถป้องกันอันตรายให้กับผู้ใช้ได้ และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ อาทิเช่น สายเชื่อม สายกราว์ และอื่นๆ ควรจะมีคุณภาพ เพื่อที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มันต้องแลกด้วยราคาที่สูง ฉะนั้นถ้าหากคุณเป็นมือใหม่ เราขอแนะนำตู้เชื่อมไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำ นอกจากนี้ในการใช้งานคุณควรสวมชุดที่มีความปลอดภัย และสวมแว่นตาป้องกันสะเก็ด หรือแว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าตาด้วย และควรเตรียมถังดับเพลิงไว้ด้วย

  1. การระบายความร้อน

อย่างที่บอกไปในตอนต้นว่า ตู้เชื่อมไฟฟ้า จะใช้ความร้อนที่เกิดจากการอาร์คของไฟฟ้า หลอมโลหะหรือเหล็กให้ละลายจนมันกลายเป็นเนื้อเดียวกันเพื่อเชื่อมให้ติดกัน แน่นอนว่ากระบวนการนี้มันย่อมทำให้เกิดความร้อนภายในเครื่องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการมีพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่อยู่ภายในตู้เชื่อมไฟฟ้าจะช่วยทำให้คุณสามารถใช้ตู้เชื่อมได้ต่อเนื่อง และยาวนานมากยิ่งขึ้น

  1. ฟังก์ชันเสริม

ในปัจจุบันนี้ ตู้เชื่อมไฟฟ้า หลาย ๆ รุ่น ได้มีการใส่ฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เข้ามามากมาย ทั้ง ระบบการเชื่อม, ระบบป้องกันการติด, ระบบที่ช่วยให้มีกระแสไฟที่เสถียร, สามารถใช้เป็นแบตเตอรี่สำรองหรือบางรุ่นสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องปั่นไฟฟ้าได้ 

  1. ขนาดและน้ำหนัก

ปิดท้ายกันที่ขนาดและน้ำหนักของเครื่องเชื่อมไฟฟ้า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของคุณ ถ้าหากคุณต้องการใช้งานเพียงแค่ในบริเวณบ้านไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนบ่อย ๆ คุณก็สามารถเลือกแบบไหนก็ได้ แต่ถ้าคุณเป็นช่างการพกพาถือเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นคุณควรเลือกรุ่นมีขนาดที่กะทัดรัด และน้ำหนักเบา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเคลื่อนย้าย ไปใช้งานได้อย่างไม่จำกัด สะดวก และรวดเร็ว และควรผลิตจากวัสดุที่ดูคงทน แข็งแรง และสามารถป้องกันการกระแทกได้ดี

ข้อปฏิบัติ เมื่อคุณต้องใช้ ตู้เชื่อมไฟฟ้า

ในปัจจุบัน ตลาดของ ตู้เชื่อมไฟฟ้า มีตัวเลือกอยู่มากมายครับ ส่งผลให้มีราคาถูกลงมาก ซึ่งหลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากตู้เชื่อมสามารถทำอะไรได้หลากหลายอย่าง อาทิเช่น ซ่อมแซมท่อ, ซ่อมราวตากผ้า, ทำรั้วและอีกสารพัดสิ่งที่ทำจากเหล็ก ซึ่งถ้าหากคุณยังมีประสบการณ์ยังไม่สูง ควรใช้งานอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมันค่อนข้างจะอันตราย เรามีข้อปฏิบัติในเบื้องต้น เมื่อคุณต้องใช้เครื่องเชื่อมไฟฟ้า 

1. หาอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง

งานเชื่อม ถือเป็นงานที่มีความอันตรายมาก ๆ เพราะฉะนั้นหากคุณรู้ตัวว่ายังไม่ชำนาญมากพอ ควรหาอุปกรณ์มาสวมเพื่อป้องกันตัวเอง ทั้ง แว่นตา, เสื้อผ้า, รองเท้าเซฟตี้, ถุงมือ รวมถึงหน้ากากกันฝุ่น และถึงแม้ว่า คุณจะมีความชำนาญมากพอแล้วก็ตาม แต่ก็ควรที่จะหาอุปกรณ์มาเพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเชื่อม อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะมีแว่นตาเชื่อม เพื่อปกป้องสายตาของคุณเอง เพราะหลาย ๆ อย่าง มันจะส่งผลในระยะยาว ซึ่งเราป้องกันไว้ก่อนดีกว่าครับ

2. สายภายนอก

ก่อนใช้งานตู้เชื่อมทุก ๆ ครั้ง คุณจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบพวกสายต่าง ๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ภายนอกของตู้เชื่อมไฟฟ้า เพื่อดูว่าส่วนไหนชำรุดหรือเสียหายบ้าง เนื่องจากมันเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งเราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าไฟฟ้ามีความอันตรายแค่ไหน เพราะฉะนั้นคุณต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ คุณควรที่จะตรวจสอบทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น รางปลั๊กไฟ สายเชื่อม สายดิน และสายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

3. การต่อสายต่าง ๆ

เมื่อดูสายต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ต่อมาคุณควรตรวจเช็คการเชื่อมต่อของสายต่าง ๆ โดยเริ่มจากทำความสะอาดข้อต่อต่าง ๆ ไม่ให้มีเศษอะไรก็ตามอยู่ จากนั้นต้องเสียบเข้าไปให้แน่นจนไม่สามารถขยับได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มันหลุดในระหว่างที่คุณกำลังใช้งาน และต้องดูให้มั่นใจว่าคุณได้เชื่อมต่ออย่างถูกต้อง

4. ตรวจเช็คตัวเครื่อง

ในการตรวจสอบตู้เชื่อมไฟฟ้านั้น คุณต้องตรวจสอบตัวเครื่องก่อน โดยดูว่ามีความผิดปกติอะไรบ้าง มีความชื้น หรือมีการชำรุดตรงไหนหรือไม่ เพื่อเช็คในแน่ใจว่าตู้เชื่อมของคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับตัวเครื่องได้ และที่สำคัญเพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

Next Post

ทำไมต้องใช้เครื่องเจาะดิน ญี่ปุ่น มีวิธีการเลือกซื้ออย่างไร

วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณเจาะตั้งเสา และอุปกรณ์ […]
เครื่องเจาะดิน

Subscribe US Now